วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ระบบปฏิบัติการ IOS



ระบบปฏิบัติการ IOS


ประวัติความเป็นมา

          ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) มีชื่อเดิมว่า iPhone OS เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวของ iPhone เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟน (Smartphone) ของแอปเปิล โดยเริ่มต้นพัฒนาสำหรับใช้ในโทรศัพท์ iPhone และได้พัฒนาต่อใช้สำหรับ iPot Touch และiPad โดยระบบปฏิบัติการนี้สามารถเชื่อมต่อไปยังแอ็ปสตอร์สำหรับการเข้าถึงถึงแอพพลิเคชั่น(Application) มากกว่า 300,000 ตัว ซึ่งมีการดาวน์โหลดไปมากกว่าห้าพันล้านครั้ง แอปเปิลได้มีการพัฒนาปรับปรุงสำหรับ iPhone, iPad และ iPod Touch ผ่านทางระบบ iTunes คือโปรแกรมฟรี สำหรับ Mac และ PC ใช้ดูหนังฟังเพลงบนคอมพิวเตอร์ รวมทั้งจัดระเบียบและ sync ทุกๆอย่าง และเป็นร้านขายความบันเทิงบนคอมพิวเตอร์, บน iPod touch, iPhone และ iPad ที่มีทุกๆอย่างสำหรับคุณ ในทุกที่และทุกเวลา พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยให้มีความเป็นเลิศ ซึ่งนี้คือข้อได้เปรียบ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

รุ่นของ IOS

ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 1.x
เริ่มต้นปล่อย OS เข้าสู่ตลาด
ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 2.x
          เป็นการปล่อย ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) รุ่นที่สอง ที่ใช้ได้กับการเปิดตัวของ iPhone 3G โดยอุปกรณ์ที่ใช้ 1.x จะเลื่อนไปรุ่นนี้ รุ่นของ OS ที่จะแนะนำที่ App Store ทำให้สามารถใช้ได้กับ iPhone และ iPod Touch แต่หลังจากที่มีอัพเกรดครั้งใหญ่ใน ระบบปฏิบัติการไอโอเอส(iOS) 4 Apple ได้ยกเลิก ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย iPhone และ iPod Touch ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 2 นั้นจะไม่สามารถเข้าไปใช้งาน App Store ได้ ซึ่งสำหรับผู้ที่ใช้ iPod Touch รุ่นเก่าที่ไม่ได้ปรังปรุงระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 3.0 นั้นจะไม่สามารถใช้งาน App Store ได้
ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 3.x
          ใช้ได้กับ iPhone 3GS มันถูกปล่อยออกเมื่อ 17 มิถุนายน 2552 รุ่นนี้จะเพิ่มคุณสมบัติที่ต้องการมากขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ 2.x ถูกอัพเกรดเป็น ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 3.xนี้ สำหรับการสนับสนุน ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)3 ของ Apple นั้นจะสิ้นสุดลงเมื่อถึงปีหน้าที่ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)5 ได้ทำการเปิดตัว และเมื่อ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)5 ได้ทำการเปิดตัวนั้นก็คงจะเป็นจุดจบของ iPhone และ iPod Touch รุ่นที่ไม่สามารถอัพเกรดเป็น ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)4 ได้
ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (IOS) 4.x
         ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 4 มีการให้บริการแก่ประชาชนสำหรับ iPhone และ iPod touch เมื่อ 21 มิถุนายน 2554 นี้เป็นครั้งแรก ปล่อย iOS ที่สำคัญที่สนับสนุนสำหรับอุปกรณ์บางอย่าง คือ iPhone 3G และ iPhone 4, 3GS iPhone, iPod และ iPod touch 4 สำหรับ iPad ได้ถูกเพิ่มเข้ามาด้วยการเปิดตัวของ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส(IOS) 4.2.1 เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2554
ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 5.x
          แอปเปิลประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 5.0 ขึ้นมา โดยมีฟีเจอร์ใหม่ร่วม 200 รายการ ระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 5 จะพร้อมให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งได้ในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2554 อุปกรณ์ที่จะสามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)เวอร์ชั่น 5 นี้ ได้แก่ iPhone 4 ,iPhone 3GS ,iPad 2 ,iPad, iPod touch 4 ,iPod touch 3 โดยมีความโดดเด่นคือ ระบบ iCloud ซึ่งเป็นระบบซิงก์ข้อมูลอัตโนมัติแบบไร้สายระหว่างอุปกรณ์ต่างๆผ่านศูนย์ข้อมูลของ Apple ซึ่งให้บริการฟรี เช่น iTunes wifi sync ทำการซิงก์ข้อมูลกับโปรแกรม iTunes โดยไม่ต้องต่อสาย และสามารถทำการซิงก์อัตโนมัติขณะไม่ใช้งานเครื่อง , Airplay mirror ส่งภาพจากหน้าจอไปปรากฏบนหน้าจอทีวีใหญ่ผ่านเครื่อง , Apple TV PC free ไม่ต้องต่ออุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งาน เช่นเมื่อซื้ออุปกรณ์มาใหม่ สามารถเปิดใช้งานได้เลยไม่ต้องต่อเข้าซิงก์กับคอมพิวเตอร์ที่มี iTunes อีก นอกจากนี้ยังสนับสนุนการดาวน์โหลดอัพเดทโปรแกรมและระบบแบบไร้สาย หรือ OTA โดยไม่ต้องต่ออุปกรณ์เข้ากับคอมพิวเตอร์, สนับสนุนการอัพเดทโปรแกรมแบบ Delta update คือการดาวน์โหลดเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนไปจากโปรแกรมเวอร์ชันเดิมโดยไม่ต้องโหลดใหม่หมดทั้งโปรแกรม ช่วยลดระยะเวลาการดาวน์โหลด
ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) 6.x
          iOS 6 ได้ประกาศเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 ณ ของ Apple WWDC เหตุการณ์ปราศรัย 2012 มีอยู่มากกว่า 200 คุณสมบัติใหม่ใน iOS 6 ได้แก่ หน้าซอฟต์แวร์ทำแผนที่แอปเปิลใหม่ เปิดโดยเปิดนำร่องการจราจรและสะพานลอย, สิริสนับสนุนiPad Generation, 3 กีฬาภาพยนตร์และร้านอาหารของ Facebook บูรณาการ (คล้ายกับTwitte rบูรณาการใน iOS 5) โพสต์โดยตรงไปยัง Facebook, รายชื่อ, ปฏิทิน Apps และชอบและเพลงที่ใช้ร่วมกันภาพ Stream สิ่งอำนวยความสะดวก App โทรศัพท์ใหม่, iCloud แท็บใน Safari , สิ่งอำนวยความสะดวก Accessablity ใหม่

ตารางแสดงข้อมูลรุ่น/เวอร์ชันของ IOS

Ver

คุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ IOS

หน้าจอหลัก (Home screen)
เป็นส่วนแสดงข้อมูลที่ประกอบด้วย application ที่มีบนเครื่อง ซึ่ง Application เหล่านี้รองรับการทำงานในระบบปฏิบัติการiOS  สามารถดาวน์โหลดหรือซื้อได้ที่ Apple’s store หรือผ่านเว็บไซต์ของแอปเปิลได้โดยตรง การใช้งานทำได้ง่ายและสะดวกเพียงนำนิ้วจิ้มหรือแตะไปที่รูปไอคอนที่ต้องการใช้งาน
i1
แฟ้มข้อมูล (Folders)
iOS 4 การแนะนำของระบบโฟลเดอร์ที่เรียบง่ายมา เมื่อใช้งานอยู่ในโหมด “กระตุก” ใด ๆ สองสามารถลากด้านบนของแต่ละอื่น ๆ เพื่อสร้างโฟลเดอร์และจากนั้นมาปพลิเคชันเพิ่มเติมสามารถเพิ่มลงในโฟลเดอร์โดยใช้ขั้นตอนเดียวกันได้ถึง 12 บน iPhone และ iPod touch และ 20 ใน iPad ชื่อสำหรับโฟลเดอร์ที่ถูกเลือกโดยอัตโนมัติตามประเภทของการใช้งานภายใน แต่ชื่อยังสามารถแก้ไขได้โดยผู้ใช้
i2
การแจ้งเตือน (Notification)
ใน iOS 5 ปรับปรุงคุณลักษณะการแจ้งเตือนที่ถูกออกแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้การทำงานรวดเร็วและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น
i3

iOS 7 
iOS 7 ซึ่งจัดว่าเป็น iOS เวอร์ชันที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากที่สุด โดยเฉพาะหน้าตา สีสันโดยรวมที่เปลี่ยนดีไซน์การออกแบบไปเป็นแบบ Flat UI ที่เน้นความเรียบง่าย เบาบาง มีสีสันดึงดูดตามากกว่า iOS เวอร์ชันเดิมๆ ที่ออกแบบโดยอิงจากวัสดุที่มีอยู่จริง
ซึ่งแน่นอนว่า iOS 7 จะสามารถใช้งานได้ทั้งบน iPhone, iPad และ iPod Touch เช่นเคย โดยจะสามารถใช้ได้บนอุปกรณ์เหล่านี้
  • iPhone 5
  • iPhone 4S
  • iPhone 4
  • iPad 4 (iPad with Retina Display)
  • iPad 3 (The new iPad)
  • iPad 2
  • iPad mini
  • iPod Touch 5th Generation
รวมถึงผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ออกมาในปีนี้อย่าง
  • iPhone 5S
  • iPhone 5C
  • iPad mini 2
  • iPad 5
ทั้งนี้ iOS 7 จะเปิดให้ใช้งานกันอย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนกันยายน พร้อมๆ กับการเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C
ตัวอย่างหน้าตา iOS 7

เนื่องจากผมใช้วิธีการอัพเดต iOS ขึ้นมา ดังนั้นข้อมูลและแอพต่างๆ ที่ติดเครื่องตั้งแต่ตอน iOS 6 ก็ยังอยู่ครบถ้วนครับ

การอัพเดต iOS 7
ตามปกติแล้ว ผู้ใช้งานจะสามารถอัพเดต iOS 7 ได้จากในอุปกรณ์ของตน ด้วยการเข้าไปที่ Settings > General > Software Update จากนั้นก็กดอัพเดต โดยการจะอัพเดต iOS นั้น จำเป็นจะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเอาไว้ด้วยตลอดเวลา ซึ่งแนะนำว่าควรจะใช้เป็น WiFi นะครับ เพราะต้องดาวนโหลดไฟล์ขนาดใหญ่พอสมควร โดยการอัพเดต iOS 7 ด้วยวิธีนี้ ข้อมูลและแอพในเครื่องจะยังคงอยู่ ไม่หายไป อัพเดต iOS 7 แล้วก็ยังใช้งานระบบและแอพได้ตามปกติ
ส่วนอีกวิธีก็คือการอัพเดตผ่าน iTunes ในคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้ตามขั้นตอนตามนี้เลยครับ (ขอยกตัวอย่างจากการอัพเดต iOS 6 นะครับ เพราะวิธีการทำจะเหมือนกันเลย)
การอัพเดต iOS 7 แบบใช้คอมพิวเตอร์
ซึ่งการที่จะอัพเดตโดยใช้คอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้งานได้ทั้ง Windows และ OS X ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยสิ่งที่ต้องมีก็คือ โปรแกรม iTunes  ซึ่งใครที่ยังไม่มีสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่นี่
เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเสร็จแล้ว ก็เสียบอุปกรณ์ของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ครับ
1. Backup ข้อมูลในเครื่องก่อน
การจะสำรองข้อมูลใน iPhone ลงเครื่องก่อนไม่ใช่เรื่องยากครับ โดยให้เลือกตัวเลือกในหมวด Backup ให้เป็น Back up to this computer ก่อนเพื่อความชัวร์ เนื่องจาก iCloud มีพื้นที่ให้เราเก็บได้แค่ 5 GB เท่านั้น จากนั้นก็กด Apply
เมื่อเสร็จแล้วก็ถึงขั้นตอนการ Backup วิธีการก็คือคลิกขวาที่ชื่ออุปกรณ์ของเรา แล้วเลือกหัวข้อ Back up จากนั้นก็รอซักพักหนึ่ง
2. ตรวจสอบอัพเดต
อ้างอิงจากภาพของข้อแรกนะครับ ให้กดที่ปุ่ม Check for Update แล้วรอระบบตรวจสอบเวอร์ชัน iOS ของเครื่องเรากับทาง Apple (คอมพิวเตอร์ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย) ถ้า iOS ในเครื่องของเราเป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้ว ก็จะมีป๊อปอัพเด้งขึ้นมาดังเช่นด้านล่างนี้ (ใช้เป็นรูปจากบทความอัพเดต iOS 6 นะครับ)


ระบบปฏิบัติการ iOS 8


ระบบปฏิบัติการ iOS 8
ระบบปฏิบัติการ iOS 8
       ความยอดเยี่ยมของ iPhone, iPad และ iPod touch มีพื้นฐานมาจาก iOS 8 ที่ประกอบด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย คุณสมบัติน่าทึ่งมากมาย รวมทั้งระบบความปลอดภัยซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกจากนี้ ยังได้รับการออกแบบให้ดูสวยงามและทำงานได้อย่างราบรื่น โดยคุณจะรู้สึกได้แม้กระทั่งจากการทำงานที่เรียบง่ายที่สุด และเนื่องจาก iOS 8 ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อนำเทคโนโลยีสุดล้ำที่อยู่ในฮาร์ดแวร์ของ Apple มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ อุปกรณ์ของคุณจึงล้ำหน้าไปไกลกว่าคนอื่นเสมอ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ ก็ตาม
  • อินเทอร์เฟซที่สวยงาม ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากตั้งแต่วินาทีที่หยิบขึ้นมา คุณก็แทบจะสามารถใช้ iPhone, iPad หรือ iPod touch เป็นในทันที นั่นเป็นเพราะว่า iOS ได้รับการออกแบบมาให้เข้าใจง่าย เริ่มตั้งแต่หน้าจอโฮมที่เรียบง่ายแต่สวยงาม จะเชื้อเชิญคุณให้ลองค้นหาแอพต่างๆ ที่มาพร้อมกับเครื่อง รู้ตัวอีกที คุณก็กำลังเรียกดูเว็บไซต์สุดโปรด ถ่ายรูปเพื่อนตอนเผลอ หรือส่งข้อความหาเพื่อนๆ ของคุณไปแล้ว และไม่ว่าคุณจะทำอะไรหรือใช้แอพไหน ทุกอย่างก็ดูง่าย ไม่ซับซ้อน และสนุกจนหยุดไม่อยู่
  • คุณสมบัติและแอพที่มาพร้อมเครื่อง ที่จะให้อุปกรณ์ของคุณและคุณ ทำอะไรๆ ได้มากขึ้น iOS และจำนวนคุณสมบัติรวมถึงแอพที่มาพร้อมเครื่องที่นับวันมีแต่จะมากขึ้น ต่างทำให้ iPhone, iPad และ iPod touch เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยนวัตกรรม และใช้งานได้สนุกยิ่งขึ้น นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
  • รูปภาพทุกรูปที่คุณถ่ายพร้อมให้คุณปรับแต่งและแชร์ได้โดยตรงจากอุปกรณ์ iOS ของคุณภายในเวลาไม่ถึงอึดใจ และคุณยังสามารถค้นหารูปโปรดของคุณโดยดูจากเวลา สถานที่ และอัลบั้ม หรือจะเลือกดูจาก "ชุดรวม" และ "ชั่วขณะ" ซึ่งทำการจัดกลุ่มรูปถ่ายและวิดีโอของคุณอย่างชาญฉลาดตามเวลาและสถานที่เอาไว้ให้อยู่แล้วก็ได้
  • ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สร้างมาเพื่อกันและกัน เพราะ Apple ผลิตทั้งฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการสำหรับ iPad, iPhone และ iPod touch ทุกสิ่งจึงถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกัน แอพต่างๆ จึงใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของฮาร์ดแวร์ได้อย่างสูงสุด เช่น โปรเซสเซอร์แบบ Dual-core การ์ดกราฟิกที่แรงขึ้น สายอากาศไร้สาย และอื่นๆ อีกมากมาย งานมัลติทาสก์คือตัวอย่างที่ดีที่สุด จะเห็นได้ว่า iOS จะเรียนรู้และจดจำเวลาที่คุณมักจะใช้แอพ และจัดการอัพเดทคอนเทนต์ของแอพเหล่านั้นในเวลาที่ประหยัดพลังงานได้ เช่น เมื่ออุปกรณ์ของคุณถูกใช้งานอยู่แล้วและเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ดังนั้นคอนเทนต์ในแอพสุดโปรดของคุณก็จะได้รับการอัพเดทเสมอโดยที่ไม่เปลืองแบตเตอรี่มากจนเกินไปApp Store ให้สิ่งที่อุปกรณ์ iOS ของคุณทำได้แทบไม่มีข้อจำกัดiOS เป็นแพลตฟอร์มของแอพบนมือถือกว่าล้านแอพ แถมยังมีมากขึ้นเรื่อยๆ5 และเมื่อทุกแอพนั้นเริ่มมาจาก DNA เดียวกัน เราจึงเตรียมให้ iOS 8 เป็นการเปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนักพัฒนานับตั้งแต่เริ่มมี App Store โดยมาพร้อม API ใหม่ๆ ที่จะทำให้เกิดคุณสมบัติที่น่าทึ่งยิ่งกว่าเดิม ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ล้ำยุคสำหรับใช้พัฒนาเกมด้วย นอกจากนี้ App Store เองยังช่วยให้การเลือกใช้ ค้นหา หรือซื้อแอพต่างๆ ทำได้ง่าย เพราะใช้บัญชีเดียวกันกับที่คุณใช้ใน iTunes เพียงเข้าไปที่ App Store ในอุปกรณ์ iOS ของคุณเพื่อเลือกชมแอพ และแตะดาวน์โหลด
  • iCloud ทุกสิ่งที่ต้องการ ในทุกที่ที่คุณต้องการiCloud ให้คุณมั่นใจได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดของคุณในอุปกรณ์ทุกเครื่องจะอยู่ในเวอร์ชั่นล่าสุดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร แอพ รายชื่อ กิจกรรมในปฏิทิน และอื่นๆ อีกมากมาย iCloud Drive ให้คุณเข้าถึงทุกไฟล์ของคุณได้จากอุปกรณ์ทุกเครื่อง และด้วยคุณสมบัติการแชร์กันในครอบครัว คุณยังสามารถแชร์รูปภาพ วิดีโอ เพลง และทุกสิ่งที่คุณซื้อบน iTunes ให้กับครอบครัวของคุณผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีแอพค้นหา iPhone ที่จะช่วยคุณค้นหา iPhone, iPad, iPod touch หรือ Mac ที่คุณทำหาย และพวงกุญแจ iCloud ที่จะจดจำชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลบัตรเครดิตของคุณไว้ให้อย่างปลอดภัย คุณจึงไม่จำเป็นต้องจำเอง 
  • อัพเดทได้ง่ายๆคุณสามารถอัพเดท iOS ได้ฟรี และดาวน์โหลดผ่านระบบไร้สายมาที่ iPhone, iPad หรือ iPod touch ได้ในทันทีที่เวอร์ชั่นใหม่ถูกปล่อยออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องของคุณยังช่วยเตือนให้รู้อีกด้วยว่า ถึงเวลาดาวน์โหลดเวอร์ชั่นใหม่แล้ว คุณจึงไม่มีทางพลาดคุณสมบัติอันน่าทึ่งที่มาพร้อมการอัพเดททุกครั้ง
  • การรักษาความปลอดภัย คือหนึ่งในคุณสมบัติมาตรฐานiOS มีระบบรักษาความปลอดภัยในตัวตั้งแต่คุณเริ่มเปิดใช้เครื่อง นั่นเป็นเพราะว่า ฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ และระบบปฏิบัติการนั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ ในตัว ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องอุปกรณ์ และสิ่งที่คุณเก็บไว้ภายในเครื่องให้ปลอดภัยเสมอความเป็นส่วนตัว
  • iOS ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นอันดับแรก ดังนั้นหากแอพต้องการข้อมูลตำแหน่งของคุณ หรือข้อมูลจากปฏิทิน รายชื่อ เตือนความจำ หรือรูปภาพ ระบบจะขออนุญาตจากคุณก่อน ซึ่งคุณเองก็มีสิทธิ์เต็มที่ในการควบคุมวิธีการที่แอพสุขภาพและ HealthKit จะใช้ข้อมูลของคุณ ส่วนการสนทนาของคุณใน iMessage และ FaceTime ก็จะถูกเข้ารหัสด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงการเดาข้อความด้วย ดังนั้นนอกจากคุณและบุคคลที่คุณคุยด้วยแล้ว จะไม่มีใครสามารถมองเห็นหรืออ่านสิ่งที่กำลังคุยกันอยู่ได้เลย นอกจากนี้คุณสมบัติต่างๆ ใน Safari ยังมอบความสามารถให้คุณท่องเว็บได้แบบเป็นส่วนตัว บล็อคคุกกี้ และป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ติดตามการใช้งานของคุณอีกด้วย
  • ค้นหา iPhone กับคุณสมบัติล็อกการเข้าใช้งานiPhone จะเป็นของคุณเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เช่นเดียวกับ iPad และ iPod touch ของคุณ เนื่องจากคุณสมบัติความปลอดภัยใน iOS จะทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่คุณใช้งานหรือขายอุปกรณ์ของคุณได้ยากมาก และถ้าใครต้องการปิดแอพค้นหา iPhone หรือจะสั่งล้างข้อมูลในเครื่องของคุณก็ยังจำเป็นต้องใช้ Apple ID และรหัสผ่านของคุณด้วย นอกจากนี้ แอพค้นหา iPhone ยังสามารถแสดงข้อความที่คุณต้ังเอาไว้ต่อไปได้แม้ว่าจะล้างข้อมูลในเครื่องไปแล้วก็ตาม และหากว่ามีใครต้องการจะนำเครื่องของคุณไปเปิดใช้งานใหม่ก็ยังต้องกรอก Apple ID และรหัสผ่านของคุณอีกครั้งด้วย
  • iOS รองรับหลายภาษาiPhone, iPad และ iPod touch รองรับฟังก์ชั่นแป้นพิมพ์และพจนานุกรมสำหรับหลายภาษา รวมถึงภาษาท้องถิ่นด้วยเปลี่ยนภาษาได้เร็วทันใจiOS ช่วยให้คุณสามารถเลือกได้จาก 35 ภาษาที่มีให้ ซึ่งการเปลี่ยนก็ง่ายมากๆ แค่สลับไปมาเท่านั้น และเนื่องจากแป้นพิมพ์นั้นจะปรับเปลี่ยนไปตามซอฟต์แวร์แต่ละตัว คุณจึงสามารถเลือกรูปแบบแป้นพิมพ์ได้ถึง 55 แบบ รวมถึงเครื่องหมายแสดงการออกเสียงเหนือตัวอักษร และตัวเลือกลักษณะตัวอักษรตามบริบทสำหรับภาษาญี่ปุ่น ในส่วนของ VoiceOver ก็สามารถอ่านออกเสียงหน้าจอได้กว่า 35 ภาษา และยังมี Voice Control หรือการสั่งการด้วยเสียง ที่เข้าใจได้กว่า 20 ภาษาอีกด้วย


เปรียบเทียบการใช้งานระหว่างระบบปฏิบัติการ IOS กับ ANDROID

iOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Apple  ซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์ที่บริษัท Apple เป็นผู้ผลิต อุปกรณ์สื่อสารภายใต้ยี่ห้อ Apple  เช่น iPod, iPad และ iPhone
51
ข้อดี คือ มี Application หลากหลาย มีบริการ App Store และโปรแกรม iTunes สนับสนุนการจัดการอุปกรณ์มีเมนูการใช้งาน รวดเร็วและเข้าใจง่าย  โปรแกรม Web Browser (Safari) ตอบสนองได้รวดเร็ว
 ข้อเสีย คือ ผู้ใช้งานไม่สามารถออกแบบปรับเปลี่ยนหน้าจอได้ตามความต้องการ ไม่สามารถทํางานได้พร้อมๆ กันหลายอย่าง เช่น ไมสามารถฟังเพลงพร้อมเปิด Web Browser เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตได้
Android   เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท Google  ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบ OpenSource  ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิดหรือแบบฟรีนั่นเอง ดังนั้นผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่และ Tablet  จึงนิยมนํา Android  ไปใช้เป็น OS เช่น HTC, Samsung ในตระกลู Galaxy
53

     ข้อดี คือ เป็นมาตรฐานเปิดทําให้เกิดความหลากหลายและมี Application ให้เลือกใช้มากมาย และสามารถเชื่อมต่อกับบริการต่างๆของ Google  ได้สะดวก เช่น Gmail, Google Talk, Google Maps และ Google Search Engine
     ข้อเสีย คือ ไม่คล่องตัวเท่า iOS  และการที่เป็นระบบเปิดทําให้มีอุปกรณ์ที่ใช้ระบบมีหลายยี่ห้อ หลายขนาดหน้าจอ ทําให้ Application ต่างๆ ต้องพัฒนาออกมาสามารถใช้งานได้ เฉพาะรุ่นเท่านั้น เนื่องจากอาจติดปัญหาเรื่อง ความกวางของหน้าจอ เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น